สตง.สรุปผลสอบโครงการรถคันแรก รบ.ยิ่งลักษณ์ เป็นทางการ! พบปัญหาขอใช้สิทธิเพียบ คืนภาษีไม่ถูกต้อง 1,648 ราย จี้อธิบดีกรมสรรพสามิต ตรวจสอบข...
สตง.สรุปผลสอบโครงการรถคันแรก รบ.ยิ่งลักษณ์ เป็นทางการ! พบปัญหาขอใช้สิทธิเพียบ คืนภาษีไม่ถูกต้อง 1,648 ราย จี้อธิบดีกรมสรรพสามิต ตรวจสอบข้อมูล เรียกเงินคืน 122.23 ล้าน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สรุปผลตรวจสอบโครงการมาตรการรถยนต์คันแรก ของกรมสรรพาสามิต กระทรวงการคลัง ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างความสมดุล และความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้ระบบเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 วงเงินงบประมาณ 47,375.00 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
สตง.ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า โครงการนี้มีปัญหาสำคัญในเรื่องผู้ขอใช้สิทธิไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด จากการสุ่มตรวจสอบผู้ขอใช้สิทธิจากโครงการฯ จำนวน 4,340 ราย ของสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขา จำนวน 7 แห่ง พบว่ามีผู้ขอใช้สิทธิไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ยื่นเอกสารหลักฐานไม่ครบภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด จำนวน 1,640 ราย คิดเป็นร้อยละ 37.79 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติสิทธิและจ่ายเงินภาษีคืนคิดเป็นจำนวนเงิน 121.79 ล้านบาท
2. ยื่นเอกสารโดยไม่มีใบจอง หรือยื่นเพิ่มเติมเกิน 90 วัน ตามที่มติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่
กำหนด จำนวน 2 ราย ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติสิทธิและจ่ายเงินภาษีจำนวนเงิน 0.18 ล้านบาท
3. ผู้ขอใช้สิทธิไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีอายุไม่ถึง 21 ปี ทะเบียนบ้านคนละชื่อกับผู้ขอใช้สิทธิ รับรถยนต์ไม่ตรงรุ่น/หมายเลขเครื่องยนต์ และใบจองรถยนต์คนละชื่อกับผู้ขอใช้สิทธิ รวมจำนวน 6 ราย ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติจำนวนเงิน 0.26 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐจ่ายเงินคืนภาษีไม่ถูกต้องให้กับผู้ขอใช้สิทธิทั้ง 3 กรณีรวม 1,648 ราย คิดเป็นจำนวนเงินภาษี 122.23 ล้านบาทสาเหตุเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจรับเอกสารขาดความรอบคอบและความระมัดระวัง และเข้าใจว่าหากผู้ขอใช้สิทธิมายื่นใบจองรถยนต์ เจ้าหน้าที่จะนับระยะเวลาการให้สิทธิ 90 วัน โดยนับถัดจากวันรับมอบรถยนต์ โดยไม่พิจารณาถึงวันที่จดทะเบียนรถยนต์
ทั้งนี้ สตง. ได้นำเสนอข้อเสนอแนะ ให้อธิบดีกรมสรรพสามิตพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1. สั่งการให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขาทุกแห่งตรวจสอบเอกสารหลักฐานของผู้ได้สิทธิทั้งหมด หากพบไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้อ 2
2. กรณีไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดรวมจำนวน 1,648 ราย และที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง หากพบเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามควรแก่กรณี แต่หากเป็นการกระทำผิดของผู้ขอใช้สิทธิให้เรียกเงินคืน
isranews.org
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สรุปผลตรวจสอบโครงการมาตรการรถยนต์คันแรก ของกรมสรรพาสามิต กระทรวงการคลัง ในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ สร้างความสมดุล และความเข้มแข็งอย่างมีคุณภาพให้ระบบเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 วงเงินงบประมาณ 47,375.00 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
สตง.ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า โครงการนี้มีปัญหาสำคัญในเรื่องผู้ขอใช้สิทธิไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด จากการสุ่มตรวจสอบผู้ขอใช้สิทธิจากโครงการฯ จำนวน 4,340 ราย ของสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขา จำนวน 7 แห่ง พบว่ามีผู้ขอใช้สิทธิไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ยื่นเอกสารหลักฐานไม่ครบภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด จำนวน 1,640 ราย คิดเป็นร้อยละ 37.79 ของจำนวนที่สุ่มตรวจสอบ ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติสิทธิและจ่ายเงินภาษีคืนคิดเป็นจำนวนเงิน 121.79 ล้านบาท
2. ยื่นเอกสารโดยไม่มีใบจอง หรือยื่นเพิ่มเติมเกิน 90 วัน ตามที่มติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่
กำหนด จำนวน 2 ราย ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติสิทธิและจ่ายเงินภาษีจำนวนเงิน 0.18 ล้านบาท
3. ผู้ขอใช้สิทธิไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีอายุไม่ถึง 21 ปี ทะเบียนบ้านคนละชื่อกับผู้ขอใช้สิทธิ รับรถยนต์ไม่ตรงรุ่น/หมายเลขเครื่องยนต์ และใบจองรถยนต์คนละชื่อกับผู้ขอใช้สิทธิ รวมจำนวน 6 ราย ซึ่งกรมสรรพสามิตได้อนุมัติจำนวนเงิน 0.26 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐจ่ายเงินคืนภาษีไม่ถูกต้องให้กับผู้ขอใช้สิทธิทั้ง 3 กรณีรวม 1,648 ราย คิดเป็นจำนวนเงินภาษี 122.23 ล้านบาทสาเหตุเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจรับเอกสารขาดความรอบคอบและความระมัดระวัง และเข้าใจว่าหากผู้ขอใช้สิทธิมายื่นใบจองรถยนต์ เจ้าหน้าที่จะนับระยะเวลาการให้สิทธิ 90 วัน โดยนับถัดจากวันรับมอบรถยนต์ โดยไม่พิจารณาถึงวันที่จดทะเบียนรถยนต์
ทั้งนี้ สตง. ได้นำเสนอข้อเสนอแนะ ให้อธิบดีกรมสรรพสามิตพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1. สั่งการให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/พื้นที่สาขาทุกแห่งตรวจสอบเอกสารหลักฐานของผู้ได้สิทธิทั้งหมด หากพบไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้อ 2
2. กรณีไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางที่กำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดรวมจำนวน 1,648 ราย และที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง หากพบเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามควรแก่กรณี แต่หากเป็นการกระทำผิดของผู้ขอใช้สิทธิให้เรียกเงินคืน
isranews.org