เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเ...
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสอบปากคำ แต่ทีมกฎหมายของวัดระบุว่าเป็นเพียงการกำหนดกรอบประเด็นที่จะสอบปากคำ ไม่ใช่การสอบปากคำ
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอแล้ว เมื่อทางวัดไม่ให้สอบปากคำก็ไม่เป็นไร ซึ่งจะไม่มีการต่อล้อต่อเถียง เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร เมื่อเรามีหน้าที่ทำงานก็ทำงานไป หลังจากนี้ ให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ เหมือนกับคดีอื่น ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ทีมทนายความวัดปากน้ำฯ ต้องการให้พนักงานสอบสวนทำประเด็นคำถามส่งมาให้ทางวัดก่อน จะทำได้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า
"ผมขอย้อนถามว่า ปกติเขาทำกันหรือไม่ จะให้กำหนดประเด็นคำถามเป็นข้อ ๆ และผมขอถามว่า ถ้ามีคำถามต่อเนื่องคุณจะตอบอย่างไร ไม่เช่นนั้นเขาจะเรียกว่าการสอบปากคำหรือ ผมว่าเรื่องนี้ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามขั้นตอนปกติ และที่ผ่านมา ทีมทนายเองก็รู้อยู่แล้วว่า ดีเอสไอไปสอบปากคำเรื่องอะไร ผมว่าคุณอย่ามาเล่นแง่มันมากเกินไป"
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ตนกำชับสั่งการมอบหมายให้อธิบดีดีเอสไอเดินทางไปด้วยตัวเอง และนำดอกไม้ธูปเทียนแพไปกราบ เพื่อเป็นการให้ความเคารพ ให้เกียรติ อีกทั้ง ตนยังเป็นคนบอกอธิบดีดีเอสไอเองว่าไม่ต้องออกหมายเรียก เพื่อเป็นการให้เกียรติสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นพระชั้นผู้ใหญ่
ข่าวและภาพจาก : msn.com