เมื่อเวลา 14.10 น. ที่อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ...
เมื่อเวลา 14.10 น. ที่อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบนโยบายการดำเนินงานแก่ภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดการประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาล “พลังท้องถิ่นขับเคลื่อนประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว”
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกศาสนาต้องสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ และขออย่าเชื่อการบิดเบือนต่างๆ ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ที่เข้ามาเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้ดีกว่าใคร สิ่งที่ทำนั้น ทำมาจากใจ จึง ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อประเทศชาติ ขอให้ทุกคนทำความดี อย่ามัวแต่ขอพรจากพระไปวันๆ วันนี้เราต้องเริ่มต้นปฏิรูปตัวเอง โดยเริ่มจากใจเป็นอันดับแรก สิ่งที่พูดนั้นไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ผลงาน ประเทศไทยได้รับคำชมเชยอย่างยิ่งว่ามีผู้หญิงเก่งเพราะผู้หญิงได้ทำงานจำนวนมาก แต่ในสัดส่วนทางการเมืองนั้น ผู้หญิงจะต้องสมัครรับเลือกเข้ามาเอง และเชื่อว่าผู้หญิงจะทำได้เพราะนอกจากความเก่ง แล้วยังมีความอ่อนหวาน ความเอาใจใส่ ซึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียมกันทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่ให้อำนาจแก่นักการเมืองหมด ตนเข้ามาเพราะประเทศเดินหน้าไม่ได้ บ้านเมืองขัดข้อง งบประมาณเบิกจ่ายไม่ได้
นายกฯกล่าวต่อว่า ทุกประเทศไม่อยากให้ประเทศไทยล้มและพร้อมสนับสนุนให้เราสามารถเดินหน้าไปได้อย่างแข็งแรง การใช้อำนาจมาตรา 44 บ่อยๆ นั้น หากวันข้างหน้าตนโดนกลับมาเล่นงานบ้างจะมีใครช่วยหรือไม่ซึ่งที่ผ่านมาก็ใช้อย่างระมัดระวัง แต่ก็มีคนเรียกร้องให้ใช้อย่างต่อเนื่อง เกือบทุกวัน ส่วนการควบคุมตัวหรือจับกุมผู้ที่เรียกร้องต่างๆ นั้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย แต่กลับอ้างหลักสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้ผิดกฎหมายที่ประกาศไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการห้ามชุมนุม ห้ามพูดจาส่อเสียด ซึ่งต้องถามว่าคนเหล่านี้ละเมิดกฎหมายก่อนหรือไม่ วันนี้ตนตอบโต้ต่างประเทศไปว่าตั้งแต่เข้ามานั้นได้ทำคนตายไปแล้วกี่คน ซึ่งไม่มีสักคน นั่นเป็นเพราะบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนเชื่อฟังกฎหมาย ไม่ต้องตายเหมือนอดีตที่ผ่านมา
matichon.co.th
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกศาสนาต้องสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ และขออย่าเชื่อการบิดเบือนต่างๆ ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ที่เข้ามาเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้ดีกว่าใคร สิ่งที่ทำนั้น ทำมาจากใจ จึง ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อประเทศชาติ ขอให้ทุกคนทำความดี อย่ามัวแต่ขอพรจากพระไปวันๆ วันนี้เราต้องเริ่มต้นปฏิรูปตัวเอง โดยเริ่มจากใจเป็นอันดับแรก สิ่งที่พูดนั้นไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ผลงาน ประเทศไทยได้รับคำชมเชยอย่างยิ่งว่ามีผู้หญิงเก่งเพราะผู้หญิงได้ทำงานจำนวนมาก แต่ในสัดส่วนทางการเมืองนั้น ผู้หญิงจะต้องสมัครรับเลือกเข้ามาเอง และเชื่อว่าผู้หญิงจะทำได้เพราะนอกจากความเก่ง แล้วยังมีความอ่อนหวาน ความเอาใจใส่ ซึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียมกันทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่ให้อำนาจแก่นักการเมืองหมด ตนเข้ามาเพราะประเทศเดินหน้าไม่ได้ บ้านเมืองขัดข้อง งบประมาณเบิกจ่ายไม่ได้
“หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ถ้ามีครั้งต่อไปอีก เลิกเลย ต่างชาติถามผมว่ามันจะเกิดขึ้นอีกไหม ผมบอกว่าเราทำดีแล้ว มีการแก้กฎหมายการค้าการลงทุน ซึ่งเขาก็พอใจ แต่นักการเมืองไม่เคยทำเพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ผมประกาศกับทุกประเทศว่าประเทศไทยจะต้องไม่มีการทุจริต คอร์รัปชั่น หากมีหน่วยงานใดเกี่ยวกับการทุจริตให้มาบอกผมทันที ผมจะลงโทษให้การบังคับใช้กฎหมาย เสถียรภาพของรัฐบาลเป็นปัญหาของเราทั้งสิ้น
ถามว่าถ้าไม่ทำอะไรผิดจะมีคนออกมาประท้วงไหม เอาปืนยิงใส่กันในการประท้วงได้หรือไม่ ขอให้สัญญากับผมว่าอย่าเอาคนขึ้นรถมากรุงเทพฯแล้วมาตายอีก ที่ตายนั้นประชาชนคนไทยทั้งสิ้น ตายเพราะอะไรเขายังไม่รู้เรื่องเลย รู้ไม่กี่คนหรอก ขึ้นรถมาผมถามว่ามาทำไม ได้รับคำตอบว่าถูกเกณฑ์มา ผมไม่อยากจะพูด แต่ขออย่าทำอีก ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ วันหน้าไม่ได้แล้วนะ ไม่มีโอกาสอีกแล้วในโลกใบนี้สำหรับประเทศไทย เพราะต่างชาติบอกว่าจะไม่คบถ้าบ้านเมืองไม่เป็นแบบตอนที่ผมอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯกล่าวต่อว่า ทุกประเทศไม่อยากให้ประเทศไทยล้มและพร้อมสนับสนุนให้เราสามารถเดินหน้าไปได้อย่างแข็งแรง การใช้อำนาจมาตรา 44 บ่อยๆ นั้น หากวันข้างหน้าตนโดนกลับมาเล่นงานบ้างจะมีใครช่วยหรือไม่ซึ่งที่ผ่านมาก็ใช้อย่างระมัดระวัง แต่ก็มีคนเรียกร้องให้ใช้อย่างต่อเนื่อง เกือบทุกวัน ส่วนการควบคุมตัวหรือจับกุมผู้ที่เรียกร้องต่างๆ นั้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย แต่กลับอ้างหลักสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้ผิดกฎหมายที่ประกาศไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการห้ามชุมนุม ห้ามพูดจาส่อเสียด ซึ่งต้องถามว่าคนเหล่านี้ละเมิดกฎหมายก่อนหรือไม่ วันนี้ตนตอบโต้ต่างประเทศไปว่าตั้งแต่เข้ามานั้นได้ทำคนตายไปแล้วกี่คน ซึ่งไม่มีสักคน นั่นเป็นเพราะบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนเชื่อฟังกฎหมาย ไม่ต้องตายเหมือนอดีตที่ผ่านมา
matichon.co.th