หลักฐานใหม่! ดีเอสไอพบ พนง.บ.ฮาวคัม-มาสเตอร์โฟน ถูกยืมชื่อซื้อหุ้น ทอท. ต่อจาก ‘รัชฎา กฤษดาธานนท์’ สาวลึกพฤติการณ์เชื่อมโยงคดีฟอกเงินหรือไ...
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีฟอกเงิน กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานครกว่าหมื่นล้านบาทว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่า พนักงานบริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ซึ่งมีนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการบริษัท ซึ่งซื้อหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จากนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร (ปัจจุบันถูกคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำคุก 12 ปี) เป็นการถูกยืมชื่อมาใส่โดยที่พนักงานทั้ง 2 บริษัทไม่มีการรับทราบการซื้อหุ้นดังกล่าว ซึ่งตรงนี้เท่ากับว่าพนักงานทั้ง 2 บริษัทไม่มีพฤติการณ์ฟอกเงินแต่อย่างใด และดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมว่า เหตุใดจึงมีการยืมชื่อพนักงานมาใส่ในการซื้อหุ้นดังกล่าว และตรวจสอบด้วยว่า นายรัชฎา ใช้เงินตัวเอง หรือใช้เงินจากที่บริษัทในเครือกฤษดามหานครกู้สินเชื่อธนาคารกรุงไทยมาซื้อหุ้น ทอท. และนำมาขายให้พนักงาน 2 บริษัท โดยขณะนี้ผลการสอบดำเนินการคืบหน้าเกิน 50% แล้ว
ส่วนกรณีที่เรียกให้นายพานทองแท้ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน (เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) นายวันชัย หงษ์เหิน (สามีนางกาญจนาภา) และนายมานพ ทิวารี (บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.เพื่อไทย) เข้ามาชี้แจงนั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า ฝ่ายทนายของนายพานทองแท้กับพวกได้ขอเลื่อนการเข้าให้ถ้อยคำ ซึ่งล่าสุดที่ประสานกันพบว่า ฝ่ายนั้นขอเข้าให้ถ้อยคำในช่วงเวลาอีกค่อนข้างนาน และไม่ใช่ภายในเดือนนี้ ดังนั้นต้องมีการตกลงกันใหม่ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจะดำเนินการปิดคดีนี้ให้ได้ภายใน เม.ย. 2559
ข่าวจาก: สำนักข่าวอิสรา